影片
更多
2013-02-27
81 瀏覽
เท้าความกันซักเล็กน้อยนะคะ ผึ้งน้อยพามาทานหนึ่งในร้านเนื้อย่างที่ถูกอกถูกใจอย่างมาก คือร้าน Gyu Maru บนชั้น 2 ของ Nihonmura ซึ่งอยู่ในซอยสุขุมวิท 49 (ซอยโรงพยาบาลสมิติเวช) เลี้ยวขวาตรงมุมร้าน S&P จรงเข้ามาจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะจริงๆในรีวิว "ตอนแรก" ผึ้งน้อยได้ทาน Wagyu ไปแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว กำลังโปรโมชั่นอยู่ด้วย เลยขอจัด Wagyu Kata Bara อีกซักที่ คราวนี้เลือกแบบหมักซอสค่ะโดยรสชาดแล้วไม่ต่างกันมากค่ะ คาดว่าทางร้านเองก็เลือกที่จะหมักรสอ่อนๆเพื่อไม่ให้กลบความอร่อยของรสเนื้อด้วยคอมเม้นท์เดิมค่ะ (ก็เนื้อเดียวกันนี่นะ ^^) คือนุ่มสุดๆแต่มีกลิ่นสาปเล็กๆ (แปลกใจอยู่เหมือนกันนะคะเนี่ย)จากนั้นก็เล็งๆเมนูใหม่ๆ แล้วก็ไดด้เมนูน่าทาน
ผึ้งน้อยพามาทานหนึ่งในร้านเนื้อย่างที่ถูกอกถูกใจอย่างมาก คือร้าน Gyu Maru บนชั้น 2 ของ Nihonmura ซึ่งอยู่ในซอยสุขุมวิท 49 (ซอยโรงพยาบาลสมิติเวช) เลี้ยวขวาตรงมุมร้าน S&P จรงเข้ามาจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
จริงๆในรีวิว "ตอนแรก" ผึ้งน้อยได้ทาน Wagyu ไปแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว กำลังโปรโมชั่นอยู่ด้วย เลยขอจัด Wagyu Kata Bara อีกซักที่ คราวนี้เลือกแบบหมักซอสค่ะ
โดยรสชาดแล้วไม่ต่างกันมากค่ะ คาดว่าทางร้านเองก็เลือกที่จะหมักรสอ่อนๆเพื่อไม่ให้กลบความอร่อยของรสเนื้อด้วยคอมเม้นท์เดิมค่ะ (ก็เนื้อเดียวกันนี่นะ ^^) คือนุ่มสุดๆแต่มีกลิ่นสาปเล็กๆ (แปลกใจอยู่เหมือนกันนะคะเนี่ย)
จากนั้นก็เล็งๆเมนูใหม่ๆ
แล้วก็ไดด้เมนูน่าทานที่มีชื่อแสนไพเราะว่า Tsukimi Rosu (ชมจันทร์) 190 บาท
เมนูนี้แม้ตัวเนื้อจะไม่ได้มีมันแทรกให้ดูน่าตื่นเต้นเท่ากับเมนูแรกๆ แต่เมนูนี้ก็มีความพิเศษที่ “พระจัทร์” ซึ่งก็คือ “ไข่แดงดิบ” ที่เคียงมาเป็นเครื่องจิ้มนั่นเองค่ะ
ย่างเนื้อสุกกำลังดี ว่าแล้วก็จิ้มลงไปในไข่แดง ตวัดเข้าปาก....ฟิน....
อร่อยมากกกกกกกกก เนื้อนุ่มไม่แข็งแม้จะแทบไม่ติดมัน ทานกับไข่ดิบแล้วมันสุดยอดจริงๆ รสของไข่ทำให้รสเนื้อละมุนยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังหอมมันจนทานหมดอย่างรวดเร็ว
ฟินจากไข่แล้วก็มาต่อกันแบบเนื้อๆเน้นๆอีกรอบ
ในรีวิวภาคต้น ผึ้งน้อยรีวิวถึง Jou Karubi (250 บาท)ไปแล้ว ดังนั้น เพื่อเทียบกันรุ่นต่อรุ่น คราวนี้ผึ้งน้อนจึงจัด Nakaochi Karubi (เนื้อระหว่างซี่โครง) และ Gyu-Maru Karubi (เนื้อซี่โครง) มาอย่างละ 1 ค่ะ
เริ่มจาก Gyu-Maru Karubi (190 บาท) แบบหมักเกลือ ที่มีความเข้มข้นของไขมันแบบเบาะๆ
ขึ้นชื่อว่า Karubi ยังไงก็ต้องติดมันค่ะ พอย่างแล้วไขมันที่แทรกอยู่ก็จะเพิ่มความเข้มข้นให้รสชาดเนื้อมีความอร่อยยิ่งๆขึ้น แค่ Karubi แบบธรรมดานี่ก็อร่อยแล้วค่ะ เนื้อนุ่ม หอม เข้มข้น ถัดมาที่ Nakaochi Karubi (210 บาท) แบบหมักซอส
แม้ไม่ใช่ส่วนเฉียดซี่โครงแบบ Jou Karubi แต่ก็มีความเด้งดึงหนึบหนับอยู่ เป็นความอร่อยนุ่มๆแบบเคี้ยวเพลินๆที่อัพเลเวลจาก Gyu-Maru Karubi นั่นเองน่าเสียดายที่คราวนี้มีโปรฯเนื้อ Wagyu แค่แบบเดียว (จริงๆแล้วชอบเนื้อ Wagyu ม๊ากมาก แต่ก็แพ๊งแพง...อดทนรอโปรฯค่ะ อิอิ)
ท้ายสุดอิ่มแปล้ พร้อมความประทับใจในบริการดีๆของพนักงานที่ดูแลดีตลอดมื้อนี้
ลงมายังรถที่จอดได้ พระเจ้าจอร์จ !! ซ้อนคันได้อลังการเช่นเคย แค่ด้วยความเทพของคุณยาม แค่แป๊บเดียวก็ขับออกได้อย่างชิลล์ๆค่ะ เย้ ^^สรุปความประทับใจกันค่ะ
บรรยากาศ – ร้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบบ้านๆไม่ติดหรู ที่นั่งกว้างสบาย แม้วันนี้แอร์ทำท่าจะเสียเลยมีเสียงดังแปลกๆแต่ก็ยังเย็นดี เตาถ่านได้ฟีลมากๆ เครื่องดูดควันทำงานดีปานกลาง (กลิ่นติดตัวและผมมาพอประมาณ)
การบริการ – รวดเร็วยิ้มแย้ม แนะนำอาหารได้ดี มาคอยเปลี่ยนตะแกรง เขี่ยถ่าน เติมถ่านให้อยู่เรื่อยๆไม่ต้องเรียกเลย อ้อ..น้ำก็เติมตลอดค่ะ แถมมีน้ำแข็งตลอดด้วย ชื่นใจไม่ขาดตอน ^^
รสชาดอาหาร – โดยรวมแล้วก็ยังปลื้ม เพราะความนุ่มและรสชาดของเนื้อที่เต็มที่นั่นและค่ะ โดยส่วนตัวแล้ว คราวนี้ผึ้งน้อยแอบประทับใจ Tsukimi เป็นพิเศษค่ะ
หมายเหตุ : คำอธิบายแต่ละส่วนของเนื้อแต่ละจานนั้น ผึ้งน้อยหาข้อมูลมาอีกทีนะคะว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน ไม่ได้เชี่ยวชาญเฉพาะทางค่าาา
張貼
